สุเทพ เดินทางไปศาลฎีกาฯ สู้ คดีทุจริตโรงพัก ยืนยันสู้คดีด้วยข้อเท็จจริง

สุเทพ เดินทางไปศาลฎีกาฯ สู้ คดีทุจริตโรงพัก ยืนยันสู้คดีด้วยข้อเท็จจริง

สุเทพ อดีตแกนนำ กปปส. เดินไปทางยังศาลฎีกาฯ เพื่อสู้ คดีทุจริตโรงพัก กว่า 396 แห่ง และ แฟลตำตรวจอีก 163 หลัง เสียหายจำนวนมาก ยืนยันสู้คดีด้วยข้อเท็จจริง นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตแกนนำกปปส. พร้อมทีมทนายความ เดินทางไปศาลฏีกาฯ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. นัดส่งตัวฟ้องศาล กรณีทุจริตสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่งทั่วประเทศ และแฟลตตำรวจ 163 หลัง รวมมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก

โดยนาย สุเทพ กล่าวว่า ยืนยันไม่ได้กระทำการใดที่ผิดจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) 

ทั้งเรื่องสั่งการและการพิจารณาต่างๆ อยู่บนพื้นฐานของข้อกฎหมายระเบียบปฏิบัติ และในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ได้ตัดสินใจในแง่ของนโยบาย การปฎิบัติตามอำนาจหน้าที่ และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยอนุมัติตามที่มีการเสนอในราคาต่ำกว่าราคากลางกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าผ่านการประมูลชอบตามกฎหมายแล้ว จึงได้ลงนาม ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชน ส่วนการสร้างสถานีตำรวจไม่เสร็จ เป็นเรื่องของการบริหารจัดการของ ตร. “ยืนยันขอต่อสู้คดีด้วยข้อเท็จจริง คราวนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะพิสูจน์ข้อกล่าวหาการทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจในศาลฎีกาฯ หลัง ป.ป.ช.สอบสวนคดีมานานนับ 10 ปี ส่งผลต่อชื่อเสียงทั้งที่ได้ต่อสู้เรื่องต้านการทุจริตมาตลอด แต่มาถูกกล่าวหาการทุจริตเสียเอง” นายสุเทพ กล่าว

พร้อมระบุว่า คดีนี้ อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากมีข้อไม่สมบูรณ์ จึงเชื่อว่าไม่น่าจะดำเนินคดีกับตน แต่วันนี้ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลก ต้องติดตามว่าพยานหลักฐานที่ ป.ป.ช. จะนำมาแสดงต่อศาล เมื่อเปรียบเทียบกับพยานหลักฐานของตัวเองจะเป็นอย่างไร ตนมั่นใจกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และไม่ขอวิจารณ์การทำงานและกระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. เพราะถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ในคดีแล้ว ด้านนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ เปิดเผยว่า วันนี้นายสุเทพมารายงานตัวที่ศาล โดยได้เตรียมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินมายื่นประกันตัว ส่วนศาลจะตีราคาประกันเท่าไรขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

เว็บ ราชกิจจาฯ เผยแพร่ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ล้มล้างสถาบัน กรณีชุมนุม 10 ส.ค. 63

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ฉบับเต็มกรณีชุมนุม 10 ส.ค. 63 ที่ศาลตัดสินให้เป็นพฤติกรรมเข้าข่ายล้มล้างสถาบัน เว็บไซด์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ศาลรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยที่ 19/2564 เรื่องพิจารณาที่ 19/2563 ของวันที่ 10 เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช 2564 ระหว่าง นายณฐพร โตประยูร ผู้ร้อง และผู้ถูกร้อง

ซึ่งประกอบไปด้วย นายอานนท์ นำภา ผู้ถูกร้องที่ 1 นายภาณุพงศ์ จาดนอก ผู้ถูกร้องที่ 2 นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ผู้ถูกร้องที่ 3 นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ผู้ถูกร้องที่ 4 นางสาวจุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ผู้ถูกร้องที่ 5 นางสาวสิริพัชระ จึงธีรพานิช ผู้ถูกร้องที่ 6 นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ถูกร้องที่ 7 และนางสาวอาทิตยา พรพรม ผู้ถูกร้องที่ 8 นาย ณฐพร โตประยูร (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง สรุปได้ดังนี้

ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า คณะบุคคลประกอบด้วยกลุ่มกิจกรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย กลุ่มแนวร่วมนิสิตมหาสารคามเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มเสรีเทยพลัส ได้ใช้สถานที่ต่างๆ ในการจัดเวทีชุมนุม

อันเป็นการกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาตรา 116 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพรักของปวงชนชาวไทย เป็นการกระทำที่เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และก่อให้เกิดความแปลกแยก ปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะผู้ถูกร้องทั้ง 8 คน ที่ปราศรัยเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ในหลายเวที รวม 6 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2563 ต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงวันที่ 30 สิงหาคม 2563

โดยผู้ร้องยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 เพื่อขอให้อัยการสูงสุดร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ผู้ร้องเห็นว่าอัยการสูงสุดมิได้ดำเนินการใดๆ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคสาม ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและมีคำสั่งให้คณะบุคคลดังกล่าวเลิกการกระทำดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49

ขณะที่ผู้ถูกร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาและเอกสารประกอบสรุปได้ว่า คำร้องและข้อกล่าวหาไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 49 คลุมเครือไม่ชัดแจ้งเนื่องจากไม่ปรากฏสภาพแห่งข้อหาที่ชัดเจนว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ใช้สิทธิหรือเสรีภาพล้มล้างการปกครองอย่างไร ข้อเท็จจริงในคำร้องเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย ไม่บ่งชี้ว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ใช้สิทธิหรือเสรีภาพ หรือกระทำประการใดเป็นการล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่อาจเข้าใจถึงสภาพแห่งการกระทำที่เป็นข้อกล่าวหา พร้อมยืนยันว่าข้อเรียกร้องทางการเมือง 3 ประการ และข้อเสนอ 10 ข้อ ในการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่เป็นไปเพื่อส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า