Google สั่งปิด YouTube Vanced แอปเข้าถึง Premium ฟรี

Google สั่งปิด YouTube Vanced แอปเข้าถึง Premium ฟรี

ผู้พัฒนา/ให้บริการแอปพลิเคชั่นลัดวงจรเปิดการใช้งานคุณสมบัติ Premium ของยูทูป – YouTube Vanced ได้ประกาศปิดให้บริการในเร็ว ๆ นี้ หลังได้รับจดหมายคำสั่งทางกฎหมายจาก Google (13 มี.ค. 2565) ผู้พัฒนา/ให้บริการแอปพลิเคชั่นลัดวงจรเปิดการใช้งานคุณสมบัติ Premium ของยูทูป – YouTube Vanced ได้ทำการประกาศถึงการปิดให้บริการภายในเร็ว ๆ นี้ พร้อมทั้งถอดในส่วนลิงค์ดาวน์โหลดทั้งหมด ภายหลังจากที่ทาง Google ได้ส่งจดหมายคำสั่งดำเนินการทางกฎหมาย (หรือจดหมายคำสั่งยุติการดำเนินงาน) กับผู้ให้บริการ

ในเชิงรายละเอียดนั้น Google ดำเนินการส่งจดหมายแจ้งเตือนให้ถอด “ทุกสิ่ง” 

ที่มีความเกี่ยวโยง/ข้องถึง Youtube, เปลี่ยนเครื่องหมาย และถอดลิ้งค์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของ Youtube ซึ่งก็ถือว่าเป็นการกล่าวให้ดำเนินการปิดให้บริการในทางอ้อมก็ว่าได้ แอปพลิเคชั่นดังกล่าวนั้น ถือว่าแอปพลิเคชั่นมือที่สาม (หรือลัดวงจร) ในการเข้าถึง Youtube บน Android ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากแอปนี้ได้เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงคุณสมบัติของผู้ใช้งานบริการ Premium ของยูทูปได้

นับว่าเป็นรายที่สามของการดำเนินการไล่เก็บกวดบริการมือที่สาม (third-party) ที่ให้บริการเข้าถึง Youtube ต่อจาก Rythm – Groovy บริการ Discord Bots ที่ทำการเปิดเพลงจาก Youtube บนช่องทาง Discord

โดยแอปพลิเคชันนี้จะยังให้บริการภายในระยะเวลา 2 ปี (อย่างมาก และเมื่อทำการดาวน์โหลดที่ไว้แล้ว) ในขณะที่ผู้ใช้งานรายใหม่นั้น จะไม่สามารถทำการดาวน์โหลดแอปได้อีกต่อไป

Youtube ดำเนินการใส่ฟีเจอร์แสดง Transcription ลงแอปพลิเคชั่นเวอร์ชั่น Android แล้ว หลังจากที่เปิดตัวบน Desktop ไปได้ซักพักแล้ว (12 มี.ค. 2565) หลังจากที่ได้เปิดตัวคุณสมบัติในการแสดง Transcription บน Youtube เวอร์ชั่น Computer/Desktop กันไปได้ซักพักหนึ่งแล้วนั้น ก็ถึงเวลาในการปล่อยคุณสมบัติการใช้งานดังกล่าวลงบนแอปพลิเคชั่นมือถือสำหรับ Android ไปแล้ว ซึ่งก็มีปุ่มเปิดให้ใช้งานโดยเฉพาะด้วย

ซึ่งตัวคุณสมบัติที่ว่านั้นจะทำการแสดงถ้อยคำที่มีพูดออกมาภายในวิดีโอ ซึ่งผู้รับชมนั้นสามารถที่จะพุ่งไปยังช่วงเวลาที่ต้องการภายในวิดีโอที่รับชมอยู่ได้ หรือให้ผู้ใช้งานสามารถหาคำพูด/ถ้อนคำที่ต้องในช่วงเวลาที่มีการแสดงออกมาได้ด้วย ถ้าจะให้พูดง่าย ๆ ก็คงเป็นคุณสมบัติที่ทำการแสดงผลถ้อยคำประกอบกับ Timestamps ภายในวิดีโอที่รับชมอยู่ นั้นเอง

โดยคุณสมบัตินี้ มีการรายงานว่ายังคงใช้งานได้กับระบบ Android ตามปกติ (ที่ไม่ใช่ระบบ Android ผสม UI หรือระบบปฏิบัติการที่มีโครงสร้างของ Android) เท่านั้น แต่ก็คาดว่ามันจะเปิดให้ใช้งานได้ในระบบอื่น ๆ ในภายหลัง

ลือ! Apple จะปล่อย MacBook Air ที่ใช้งานชิป M2

มีข่าวลือออกมาว่า Apple จะทำการปล่อยตัว MacBook Air และ MacBook Pro 13 นิ้ว ที่ใช้งานชิปประมวลผลที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา – M2 Series (11 มี.ค. 2565) มีการรายงานถึงข่าวลือที่ว่า Apple จะทำการใช้งานชิปประมวลผลที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาในขณะนี้ – M2 Series ภายในตัวแล็ปท็อปรุ่นต่อไป : MacBook Air และ MacBook Pro 13 นิ้ว ซึ่งถือว่าแย้งกับผลการวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ของ Ming-Chi Kuo ที่ว่ามันจะยังใช้งานชิป M1

จากการรายงานของ 9to5Mac ได้กล่าวว่า MacBook Air รุ่นใหม่นั้น จะมาภายใต้ชื่อรหัส J413 และคาดว่าจะมาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นใหม่ ที่จะมีชื่อรหัสว่า Staten และมีพื้นฐานการพัฒนามาจาก A15 SoC โดยชิปรุ่นนี้จะมาพร้อมกับ Core CPU 8 ตัว – Core GPU 10 ตัว

ในส่วนของ MacBook Pro 13 นิ้ว นั้นก็จะมาพร้อมกับชิป M2 เช่นกัน โดยมันจะมาภายใต้ชื่อรหัส J493 แต่มันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงของซื้อให้กลายเป็น MacBook เท่านั้น และทำการถอดในส่วนของคำว่า Pro ออกไป

ทางด้านของชิปประมวลผลนั้น M2 จะถือว่าเป็นทายาทสืบถอดจากชิป M1 รุ่นธรรมดา โดยก็มีการรายงานมาว่าในเวลานี้ Apple กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาของ M2 Pro, M2 Max, และ M2 Ultra อยู่

โดยทั้งนี้แล้วยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจาก Apple ในการปล่อยตัวของแล็ปท็อปรุ่นที่ว่านี้ แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าจะทำการปล่อยตัวภายในปีนี้

The Thaiger จะพากันไปดูกันว่ามี iPhone รุ่นไหนบ้าง ที่รองรับการใช้งานระบบ Face ID ขณะใส่หน้ากากอนามัย ที่จะมีภายในระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชั่น 15.4 (14 มี.ค. 2565) หลังจากที่ได้มีข่าวถึงการปล่อยตัวระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชั่น 15.4 ที่จะเสริมประสิทธิภาพในการใช้งานให้มากขึ้น โดยหนึ่งในนั้นก็คือการเปิดให้สามารถใช้งานระบบแสกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนผู้ใช้งาน – Face ID ในขณะที่ใส่หน้ากากอนามัยอยู่

จากข้อมูลนี้แล้วนั้น ก็พอจะสรุปสั้น ๆ ได้ว่าตั้งแต่ iPhone 12 Series เป็นต้นไปเท่านั้น ที่จะรองรับการใช้งานในรูปแบบนี้ ทำให้บรรดาสมาร์ทโฟนรุ่นที่ต่ำกว่า 12 Series นั้น จะต้องดำเนินการปลดล็อคผ่าน Apple Watch (Unlock with Apple Watch) กันไปก่อน ถ้าหากผู้ใช้งานสวมหน้ากากอยู่ ซึ่งผู้ใช้งานต้องอย่าลืมที่จะจับคู่อุปกรณ์ด้วย

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า